กินชาตะไคร้หลายโรคไม่ต้องหาหมอ

กินชาตะไคร้หลายโรคไม่ต้องหาหมอ

คุณจะทราบหรือไม่ว่าตะไคร้นั้นที่เราต่างก็คิดว่ามันเป็นผักสวนครัวของไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณจริงๆแล้วมันไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย

สำหรับตะไคร้นั้นถือได้ว่ามันเป็นผักปรุงอาหารที่เป็นสมุนไพรที่ได้อยู่กับบ้านเมืองไทยมาอย่างช้านานด้านกลิ่นของตะไคร้นั้นที่ยังจะหอมดูเป็นเอกลักษณ์และทั้งนี้ยังได้สกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยที่มีคุณค่าประโยชน์อย่างมาก

วันนี้เรามาชมเรื่องราวของตะไคร้ที่หลายๆคนยังไม่ทราบกัน

สำหรับใครที่ได้เคยปลูกตนตะไคร้ก็จะพบว่าตะไคร้นั้นมันจะขึ้นรวมกันเป็นกอแน่นเพราะว่ามันได้มีการแตกน้อออกไปอยู่เรื่อยๆและยังมีผู้ที่ได้คำนวณและพบว่าในตะไคร้หนึ่งต้นนั้นมันสามารถที่จะแตกกอออกเป็นประมาณ50ต้นภายในระยะเวลาอีกหนึ่งปีเท่านั้น ส่วนตะไคร้นั้นที่เรามักพบเห็นกันหรือว่าจะเป็นการนำเอาไปใช้ประโยชน์ในการปรุงอาหารกันในทุกวันนี้มันไม่ได้มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศไทยสันนิษฐานว่าได้มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่หมู่เกาะอินเดียทางตะวันตกแล้วก็ได้ถูกนำเอาไปปลูกทั่วโลก

รวมทั้งบริเวณที่ประเทศไทยอีกด้วยและ จนในที่สุดแล้วมันก็ได้กลายมาเป็นพืชพื้นบ้านของประเทศไทยและก็ได้กลมกลืนไปกับวัฒนธรรมด้านอาหารของคนไทยนอกจากนี้เราไปชมความไม่ธรรมดาของตะไคร้กัน1 ตะไคร้นั้นได้เต็มไปด้วยวิตามินและก็แร่ธาตุอย่างมากมายมีทั้งวิตามินเอ วิตามินเอ วิตามินบี

นอกจากนี้ก็ยังมีโฟเลตแคลเซียม สังกะสี ทองแดง ธาตุเหล็กฟอสฟอรัส แมงกานีส แมกนีเซียมอย่างมากมาย  2ตะไคร้นั้นสามารถเข้าไปทำให้ระบบของการย่อยอาหารสามารถทำงานได้ดีเพราะได้มีการศึกษาพบว่าการกินน้ำชาตะไคร้ มันจะช่วยทำการย่อยและลดอาการปวดท้องทั้งยังแก้หวัดลดอาการเป็นตะคริวที่อยู่ในลำไส้ทั้งยังแก้ท้องเสียได้อีกด้วย

และเนื่องจากนี้ยังได้ช่วยป้องกันและลดแก๊สที่อยุ่ในลำไส้ได้อีกด้วย 3ตะไคร้สามารถช่วยทำให้เรานั้นมีความรู้สึกสบายและยังสามารถบรรเทาอาหารปวดต่างๆได้ เนื่องจากนี้ตะไคร้นั้นยังจะช่วยในส่วนของลออาการอักเสบ ซึ่งที่มันได้เป็นของสาเหตุของอาการที่จะปวดต่างๆอย่างเช่นปวดฟัน ปวดกล้ามเนื้อ หรือ การปวดตามข้อได้อีกด้วย 4 ตะไคร้

ยังช่วยล้างสารพิษที่อยู่ในร่างกายสารให้โทษต่างๆที่มันอยู่ในตะไคร้มันจะสามารถทำความสะอาดในส่วนของการย่อยอาหาร อย่างเช่นตับ ตับอ่อน ไต และกระเพาะปัสสาวะช่วยขับสารพิษและกรดยูริดออกจากร่างกาย มันจะทำให้ระบบของการย่อยทางเดินอาหารของคุณนั้นได้สะอาดมากยิ่งขึ้นและระบบของการย่อยของคุณนั้นมันจะทำงานได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น

พักสายตา หมั่นบริหารสมองแล้วสุขภาพจะดี 

          เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าถ้าหากอยากสุขภาพร่างกายแข็งแรงสุขภาพจิตดีเราจะต้องมีการกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายโดยเน้นผักและผลไม้ไม่กินอาหารประเภทของทอดของมันหรือของปิ้งย่างควรจะมีการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยก็ 6 ถึง 8 ชั่วโมงต่อวันและควรนอนไม่ไม่เกินหลัง 10:00 นเป็นต้นไปที่สำคัญควรจะมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยอาทิตย์ละ 2-3 วันก็ยังดีซึ่งในแต่ละครั้งก็ควรออกกําลังกายไม่ต่ำกว่า 30 นาทีขึ้นไป

ซึ่งนี่เป็นพื้นฐานของคนที่ต้องการให้ตนเองมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงมีสุขภาพจิตที่ดีแต่นอกจากเรื่องของอาหารการกินและการพักผ่อนที่เพียงพอรวมถึงการออกกำลังกายแล้วยังมีปัจจัยพื้นฐานอีกหลายอย่างที่จะสามารถช่วยให้เรามีสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตที่ดีได้อย่างเช่นการงดเสพสื่อโซเชียลปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันนี้สื่อสังคมโซเชียลเป็นสังคมหลักที่ทุกคนจะต้องรับข้อมูลข่าวสารกันทุกวัน

แคปได้ว่าตั้งแต่เช้าเย็นๆเราจะต้องมีการเปิดเข้าไปดูข้อมูลไม่ว่าจะเป็นผ่านทาง Twitter   Facebook Instagram หรือแม้แต่เว็บไซต์ต่างๆซึ่งข้อมูลที่เราก็ไปเลยรับรู้นั้นก็จะเป็นพวกข้าวสารต่างๆหรือติดตามความเคลื่อนไหวของเหล่าดาราที่เราสนใจการซุบซิบนินทาใครไปทำอะไรที่ไหนอย่างไรบ้างรวมถึงหลายคนมีการแชร์ข้อมูลส่วนตัวของตนเองไม่ว่าจะกินอะไรไปทำอะไรที่ไหนก็มักจะไม่พลาดที่จะมีการแชร์โลเคชั่นหรือแสดงความคิดเห็นต่างๆลงในข้อมูลส่วนตัว

ให้กับคนในสังคมเซลเซียลได้รับทราบซึ่งบางครั้งการที่เรามีการติดตามในโลกโซเชียลมากเกินไปจะทำให้เราเครียดกับปัญหาที่เราได้รับรู้อีกครั้งเราจะรู้สึกเมื่อยล้าดวงตาจากการที่เราต้องเพ่งแบ่งหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเราเป็นเวลานานซึ่งจะส่งผลให้สายตาพร่ามัวเกิดอาการเบลอดังนั้นทางที่ดีเราควรมีการพักสายตาการเล่นโซเชียลมากๆ

ไม่ได้ส่งผลดีต่ออย่างไรควรจะมีการจำกัดเวลาการเล่นเพื่อที่เราจะไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารที่มันเครียดมากนักสุขภาพจิตของเราจะได้ดีขึ้นและอีกหนึ่งอย่างที่เราควรจะต้องดูแลตัวเองก็คือการส่งเสริมสุขภาพสมองในสมองของเราได้มีการฝึกฝนอยู่สม่ำเสมอซึ่งการฝึกสมองนี้เราสามารถทำได้ด้วยการเล่นเกมก็ได้ซึ่งเกมที่ควรจะเล่นนั้น

ไม่จำเป็นต้องเป็นเกมที่ใหม่มากนักอาจจะเป็นเกมจับผิดธรรมดาหรือเกมหมากรุกซึ่งเป็นเกมพื้นฐานที่ใครๆก็เล่นได้โดยการที่เราหัดฝึกสมองทำให้สมองได้คิดนั้นจะทำให้สารในร่างกายของเราหลั่งสารแห่งความสุขออกมาจะส่งผลให้จิตใจของเราเบิกบานคนรอบทางของเราก็จะมีความสุขตามเราไปด้วย

คุณรู้หรือไม่ว่าระหว่างการอาบน้ำอุ่นกับน้ำเย็นอันไหนดีกว่ากัน 

         คนเราต้องอาบน้ำทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งอยู่แล้วเพื่อที่จะได้ชำระร่างกายให้สะอาดและทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นเจอคนส่วนใหญ่มักไม่มีความชอบในอุณหภูมิของน้ำแตกต่างกันไปบางคนชอบที่จะอาบน้ำเย็นเพราะรู้สึกว่าร่างกายสดชื่นแต่รู้สึกกระปรี้กระเป๋ามากกว่าแต่บางคนก็มักจะอาบน้ำอุ่นเพื่อที่จะให้รู้สึกของการผ่อนคลายเวลาเมื่อยล้า

จากการทำงานมาการที่เราอาบน้ำอุ่นช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นแต่คุณรู้หรือไม่ว่าการเลือกอาบน้ำอุ่นหรือน้ำเย็นนั้นมันแตกต่างกันอย่างไรและอย่างไหนที่ดีต่อสุขภาพผิวของเรามากกว่ากัน

         สำหรับการอาบน้ำเย็นนั้นแน่นอนว่าช่วยในเรื่องของการรู้สึกสดชื่นและแน่ๆความเย็นจะช่วยให้ร่างกายของเรารู้สึกกระปรี้กระเปร่า การอาบน้ำเย็นจะช่วยให้ผิวพรรณของเราไม่แห้งกร้านไม่หยาบกระด้างอีกทั้งยังช่วยในเรื่องของระบบเผาผลาญและทำให้เราอารมณ์ดีแต่ในขณะเดียวกันการอาบน้ำเย็นก็มีผลเสียเช่นเดียวกันเพราะการอาบน้ำเย็นนั้นอากาศในช่วงที่มีอากาศหนาวจัด

จะทำให้ระบบหมุนเวียนของเลือดผิดปกติได้ซึ่งถ้าเกิดน้ำเย็นมากๆก็เคยเกิดกรณีคนช็อคจากการอาบน้ำเย็นมาแล้วหรือบางทีอาบน้ำมีนความเย็นมากๆเราก็มักจะอาบแบบรวดเร็วจนลืมทำความสะอาดร่างกายทำให้บางครั้งสิ่ง สกปรกยังถูกล้างออกไปไม่หมดดังนั้นน้ำเย็นนั้นจึงมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัวเอง

            สำหรับการอาบน้ำอุ่นนั้นอย่างที่เคยรู้กันดีว่า น้ำอุ่นช่วยให้ร่างกายของเรารู้สึกผ่อนคลายยิ่งเราทำงานหนักมาเกิดความรู้สึกเมื่อรักการได้แช่น้ำอุ่นก็จะช่วยให้เราดีขึ้นมาได้รวมถึงผู้หญิงที่มีประจำเดือนส่วนใหญ่วันที่จะอาบน้ำอุ่นเพราะจะช่วยในเรื่องของการหมุนเวียนของเลือดได้ดียิ่งขึ้นแนะนำอุ่นยังช่วยให้รูขุมขนของเราเล็กลงแอ๋มยังสามารถขจัดไขมันออกจากร่างกายของเราได้ดีแต่ก็มีข้อเสียเช่นเดียวกันเพราะถ้าหากเราอาบน้ำอุ่นมากๆก็จะทำให้ผิวของเรานั้นแห้งกร้าน 

          ดังนั้น เป็นการอาบน้ำอุ่นหรือน้ำเย็นก็จะมีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไปซึ่งการเลือกอาบน้ำให้มีประโยชน์สูงสุดต่อร่างกายของเรานั้นเราควรจะอาบน้ำเย็นในช่วงเช้าเพื่อที่เราจะได้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าแต่รู้สึกสดชื่นขึ้นมาช่วยให้เราหายง่วงนอนได้ดียิ่งขึ้นสวนน้ำอุ่นงั้นเราควรจะอาบในช่วงเย็นเพื่อที่จะได้ช่วยให้เราหายจากอาการเหนื่อยล้ารวมถึงเราจะได้ล้างทำความสะอาดร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สำคัญหลังจากอาบน้ำอุ่นแล้วจะช่วยให้เรานอนหลับสบายยิ่งขึ้นอีกด้วย 

วิธีลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ

เวลาที่เพื่อนๆมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ แน่นท้องหลังจากมีการรับประทานอาหาร เชื่อว่าเพื่อนๆหลายๆคน คงอยู่ไม่ค่อยสุขเดี๋ยวลุกเดี๋ยวนั่งเผื่อว่าอาการท้องอืดนั้นอาจจะดีขึ้นได้ แต่ช้าก่อนไม่ต้องวุ่นวายใจถึงขนาดนั้นก็ได้นะเพราะอาการที่เป็นท้องอืดแน่นท้องนั้นเราสามารถแก้ได้ด้วยอาหารเหล่านี้

1.น้ำมะนาว

ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากเราจะบอกว่าน้ำมะนาวนี้เป็นการช่วยแก้เรื่องของท้องอืด ท้องเฟ้อ แถมยังช่วยย่อยอาหารให้เราได้ เพราะกรดในมะนาวจะช่วยกระตุ้นให้อาหาร ซึ่งอาหารในกระเพาะอาหารเนี่ยถูกย่อยอย่างรวดเร็วส่วนในการดื่มน้ำมะนาวจะช่วยให้เพิ่มปริมาณน้ำในร่างกายและยังช่วยขับโซเดี่ยมที่ข้างค้างในกระแสเลือด ซึ่งสามารถช่วยให้อาการท้องอืดหายได้ในที่สุด โดยวิธีการดื่มน้ำมะนาวแก้อาหารไม่ย่อยนั้นก็มีเพียงแค่ด้วยวิธีการบีบมะนาวเพียงแค่ครึ่งลูกโดยนำไปใส่ในน้ำอุ่น 1 แก้วกาแฟจากนั้นก็จิบบ่อยๆเพียงแค่นี้เท่านั้นเอง

2.ชาคาโมมายล์

สรรพคุณของดอกคาโมมายล์เท่ากับจะช่วยให้เรานั้นหลับสบายแล้วยังช่วยในเรื่อของขับลม บรรเทาอาการของการอักเสบและยับยั้งการเกิดแผลในทางเดินอาหาร ซึ่งทางแถวบ้านของเรานั้นจะมีวางขายในรูปแบบที่เป็นดอกแบบมีการอบแห้ง ซึ่งหากนำมาชงกับน้ำร้อนแล้วนั้นโดยประมาณ 150 ซีซีและทำการแช่ไว้ประมาณ 5-10 นาทีนั้นและทำการกรองอากาศออก หรือคุณอาจจะซื้อในรูปแบบที่เป็นชาแบบสำเร็จรูปก็ได้เช่นกันนะ

3.ชาใบกะเพรา

สำหรับใครที่มีอาการอาหารไม่ย่อยหรือมีอาการท้องอืด แน่นท้องมากซึ่งคุณลองมาดื่มน้ำที่เป็นน้ำต้มจากใบกะเพราดูนะ ซึ่งเราสามารถทำด้วยวิธีการใช้ใบกะเพรา1กำมือต้มกับน้ำเดือดจากนั้นทำการกรองเอาแต่น้ำมาเพื่อดื่ม หรืออาจจะใช้ใบกะเพราตากแห้งเพื่อนำมาชงกับน้ำดื่มก็ได้เช่นกัน

4.น้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ล

สำหรับคนไหนที่มีอาการท้องอืดท้องเฟ้อในกระเพาะอาหารมาก โดยเฉพาะหลังทานอาหาร ที่เป็นแบบอย่าง Junk food ซึ่งน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลสามารถช่วยได้โดยนำน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ล 1 ช้อนโต๊ะและนำน้ำผึ้ง มาผสมกับน้ำอุ่นแล้วค่อยๆจิบ ในขณะที่มันยังร้อนซึ่งมันจะช่วยให้ แก๊สที่อยู่ในกระเพาะอาหารของเราลดลง และในขณะเดียวกันหากเราผสมน้ำผึ้งลงไป จะเป็นการช่วยในการแสบร้อนบริเวณที่อยู่กลางอกของเราได้อีกด้วย

5.มะละกอ

จะเห็นได้ว่ามะละกอนั้นมีน้ำย่อยธรรมชาติในตัวเอง กินสามารถช่วยย่อยอาหารที่เรานั้นกินเข้าไปได้ อีกทาง มะละกอนานยังสามารถมีไฟเบอร์สูง ซึ่ง Fiber เหล่านี้จะช่วยขจัดคราบโปรตีนเก่าๆ ที่ร่างกายย่อยไม่หมดให้ออกมากับการขับถ่ายส่งผลให้อาการแน่นท้องและท้องอืดและอาหารไม่ย่อยบรรเทาลงได้

วิธีการใช้กระดาษทิชชูให้เกิดประโยชน์

วิธีการใช้กระดาษทิชชูให้เกิดประโยชน์มากกว่าการนำมาเช็ดมือและใส่ไว้ในห้องน้ำ 

            เชื่อว่าทุกบ้านจำเป็นต้องมีการใช้กระดาษทิชชูเป็นอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เรามักใช้กระดาษทิชชูในการใช้เช็ดทำความสะอาดมือ  ทำความสะอาดปาก   ทำความสะอาดในห้องน้ำซึ่งที่จริงแล้วกระดาษทิชชูมีคุณประโยชน์มากมายกว่าที่เราคิดไว้มากนักเราสามารถนำกระดาษทิชชูมาใช้ประโยชน์ในการทำความสะอาดมากกว่าที่เราคิดไว้ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าสามารถทำอะไร

ได้บ้างดังนั้นวันนี้เราจึงจะมาแนะนำวิธีการใช้ประโยชน์จากทิชชู่ที่เรามีอยู่ติดบ้านกันให้ได้รับประโยชน์สูงสุด  เพียงเราแค่ใช้กระดาษทิชชู เราก็สามารถทำให้ห้องครัวของเราสะอาดและไม่มีกลิ่นเหม็นมาดูกันว่าเราสามารถนำทิชชู่ไปทำอะไรได้บ้างในห้องครัวของเรา 

             หลายท่านคงเคยพบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของกลิ่นเหม็นในตู้เย็นซึ่งปกติแล้วส่วนใหญ่ก็มักจะไปหาถ่านมาใส่เพื่อดูดซับกลิ่นแต่วันนี้เราจะมีอีกวิธีหนึ่งที่ไม่ยุ่งยากและไม่ต้องทำให้ตู้เย็นของเราเปื้อนสีดำด้วยซึ่งวิธีการนั้นขั้นตอนแรกก็คือเราต้องทำความสะอาดตู้เย็นของเราให้เรียบร้อยนำสิ่งที่คิดว่าทำให้ตู้เย็นเหม็นออกจากตู้เย็นก่อนหลังจากนั้นนำกระดาษทิชชูประมาณ 2 ม้วนไปวางไว้ในช่องแช่แข็งกระดาษทิชชูจะดูดซับกลิ่น

ซึ่งจะทำให้กลิ่นเหม็นในตู้เย็นของเราลดน้อยเบาลงโดยเราควรจะมีการเปลี่ยนกระดาษทิชชูเดือนละ 1 ครั้งและกระดาษทิชชูที่เรานำออกมาจากตู้เย็นนั้นก็ยังสามารถใช้ประโยชน์อื่นๆได้อีกด้วยซึ่งประโยชน์ของการใช้กระดาษทิชชู่ก็คือสามารถนำมาเช็ดทำความสะอาดคราบสกปรกบนพื้นในห้องครัวหรือแม้แต่บนเตาแก๊สหลังจากที่เรามีการปรุงอาหารเรียบร้อยแล้วเพียงเท่านี้เราก็ได้ประโยค 1-2 ต่อจากการใช้กระดาษทิชชูดูดซับกลิ่นเหม็นที่ไม่พึงประสงค์ แล้วก็ยังเช็ดทำความสะอาดสิ่งสกปรกได้อีกด้วย 

           เห็นไหมคะว่ากระดาษทิชชูไม่ได้มีดีแค่การใช้เช็ดความสะอาดคราบสกปรกต่างๆเท่านั้นยังสามารถที่จะดูดซับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ในตู้เย็นของเราได้ดีอีกด้วยแล้วกระดาษทิชชูยังสามารถนำมาทดแทนดินในการปลูกพืชผักสวนครัวได้อีกด้วยยกตัวอย่างเช่นการปลูกถั่วงอก  เราสามารถปลูกห่านกระดาษทิชชูโดยที่เราไม่จำเป็นต้องปลูกถั่วงอกผ่านทางดินทราย

ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจและมีหลายคนที่ลองปลูกมาแล้วสามารถนำถั่วงอกมากิน  สะอาดแล้วก็ปลอดภัยไร้สารพิษได้อีกด้วย และนี่คือข้อดีของกระดาษทิชชูที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ 

 

สนับสนุนโดย  rb88

กินคลีนอย่างไรให้ถูกต้อง 

มือใหม่หัดกินคลีนอาจจะงงว่าการกินคลีน กินอะไร กินอย่างไร?

ที่มาของการกินคลีน คือ กินเพื่อสุขภาพ โดยพื้นฐานในการปรุงอาหารให้เป็นธรรมชาติที่สุด ไม่ผ่านการแปรรูปหรือปรุงรสจัด เรามาเจาะลงรายละเอียดกันดีกว่า ว่ากินคลีน คือ กินอะไรและกินอย่างไรให้ถูกต้อง

ทุกคนจะเห็นได้ว่ากระแสกินคลีนนั้นมาแรงทีเดียว ทุกคนที่รักสุขภาพหันมาเลือกและปรุงอาหารคลีนเพื่อร่างกายที่ดีของเค้า โดยการกินคลีน คือ การที่คุณเลือกวัตถุดิบที่สดใหม่และสะอาดมาปรุงอาหาร โดยหลีกเลี่ยง การปรุงรสจัดไม่ว่าจะเป็น เค็ม หวาน เปรี้ยว เผ็ด มัน ของหมักดอง และเลี่ยงอาหารแปรรูป 

โดยหลักการกินคลีนทั่วไปจะเริ่มจากการใส่ใจเลือกอาหาร ทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันดี ให้สัดส่วนเหมาะสมในแต่ละมื้อ และดูแลเรื่องส่วนผสมให้เป็นธรรมชาติที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเกลือธรรมชาติ น้ำตาลไม่ขัดสี หรือเครื่องปรุงที่เป็น Low Sodium มาปรุงอาหาร และหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปทุกชนิด ยกตัวอย่างเช่น แฮม ไส้กรอก หรือ ลูกชิ้น การกินคลีนจะต้องกินโปรตีนจากการเลือกเนื้อสัตว์มาปรุง

โดยเนื้อสัตว์ต้องไม่ผ่านการแปรรูปใดๆ เพื่อหลีกเลี่ยงสารอันตรายและการปรุงรสจัดจาการแปรรูป และเลือกกินคาร์โบไฮเดรตดี โดยเลือกกินจำพวก ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ขนมปังโฮลวีท และธัญพืชต่างๆ เพื่อที่จะได้ทำให้เราอิ่มนานขึ้น หิวช้าลง เพราะเส้นใยอาหารสูงกว่าเมื่อเทียบกับการกินข้าวขัดสี หรือ ขนมปังขัดสี

นอกจากนี้การกินคลีน คือ การกินผักและผลไม้ให้มากขึ้น โดยเลือกผักและผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ น้ำตาลต่ำ แต่ให้เส้นใยสูงเพื่อช่วยให้อยู่ท้องและช่วยในการขับถ่ายและให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน  การกินคลีนควรเลี่ยงหรือตัดไขมันอิ่มตัวจำพวก นม เนย ชีส แต่ให้เลือกกินไขมันดี ยกตัวอย่างเช่น น้ำมันมะกอก อะโวคาโด เนื้อปลา และจำพวกถั่วต่างๆ

เพราะร่างกายเรายังคงต้องการไขมันดีและให้ไขมันดีไปไล่ไขมันไม่ดีออกจากร่างกายเรา และการกินคลีนมีอีกสิ่งที่ควร ลด งด และ เลิก อย่างจริงจัง นั้นก็คือ เครื่องดื่มแอลกฮอล์ทุกชนิด เพราะมีสารเคมีเป็นส่วนประกอบในการปรุงแต่งผสมอยู่ด้วย

ข้อดีของการกินคลีนที่ทุกคนควรรู้ นั้นก็คือ ร่างกายเราจะได้สารอาหารที่ดีและแคลอรีไม่เยอะ ทำให้เรามีร่างกายเบาสบายไม่รู้สึกอึดอัด และมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายน้อย ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆน้อยลงเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากคุณต้องการให้ตัวคุณเองแข็งแรงและมีหุ่นดี ก็ควรออกกำลังกายควบคู่กับการเลือกกินคลีนด้วยนะ 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  dewabet

คุณหมอยืนยันว่าคนที่ตายจากการติดเชื้อไวรัสโควิด -19

คุณหมอยืนยันว่าคนที่ตายจากการติดเชื้อไวรัสโควิด -19 นั้นเชื้อโรคจะไม่แพร่สู่คนอื่นแน่นอน

           ก่อนหน้านี้มีการรายงานข่าวออกมาถึงผลกระทบที่เกิดจากวัดและสัปเหร่อที่ทำหน้าที่เผาศพคนที่ตายจากการติดเชื้อไวรัส โควิด -19 ว่าประชาชนส่วนใหญ่เมื่อทราบข่าวว่าสัปเหร่อคนไหนที่ทำการเผาศพให้กับคนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด -19ก็จะมีการรังเกียจโดยการรังเกียจนี้ยังลามไปถึงการไม่กล้าเข้าไปในบริเวณวัดที่เคยมีการจัดงานศพให้กับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด -19อีกด้วยเนื่องจากว่าหลายคนเข้าใจว่าในศพของผู้เสียชีวิตนั้นยังคงมีเชื้อโรคปนอยู่

และเชื้อโรคก็สามารถแพร่กระจายผ่านทางอากาศออกมาได้ซึ่งด้วยเหตุผลนี้เองทำให้มีช่วงนึงที่มีข่าวออกมาว่ามีสัปเหร่อคนหนึ่งถูกแอนตี้จากคนภายในหมู่บ้านเพราะมาเผาศพให้คนติดเชื้อไวรัสโควิด -19และผลกระทบไม่ได้ตกอยู่ที่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้นยังลามไปถึงคนในครอบครัวของเขาเช่นระยะของเขาที่ถูกบริษัทที่ทำงานสั่งให้พักงานเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเป็นการชั่วคราวถึง 14 วันเพื่อต้องการดูอาการว่ามีการติดเชื้อไวรัสมาจากสามีที่ทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อ

หรือไม่รวมถึงยังมีการบังคับให้ไปทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด -19ก่อนที่จะเดินทางกลับมาทำงานได้ซึ่งผลกระทบนี้ทำให้หลายคนที่เป็นสัปเหร่อมีความเป็นกังวลใจว่าถ้าหากต้องรับเผาศพของคนที่ติดเชื้อไวรัสแล้วจะต้องมาวุ่นวายในการที่จะต้องไปทำการตรวจหาเชื้อและคนแถวบ้านก็จะรังเกียจ

       สำหรับข้อมูลที่เชื่อถือได้โดยออกมาจากโรงพยาบาลรวมถึงสถาบันที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19เช่นสถาบันบํารุงราศนราดูรได้ออกมายืนยันผ่านทางสื่อเพื่อให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าผู้ที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด -19จะไม่สามารถแพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่นหรือพื้นที่สาธารณะได้เพราะก่อนที่จะมีการนำศพออกมาจากทางสถาบันหรือจากทางโรงพยาบาลนั้นเจ้าหน้าที่ของทางสถาบันและของทางโรงพยาบาลจะต้องมีการฆ่าเชื้อ

โดยการนำยาฆ่าเชื้อฉีดบริเวณศพก่อนหลังจากนั้นก็จะมีการใส่ถุงซิปล็อคซึ่งจะมีการใส่ถุงซิปล็อคให้กับศพที่มีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าถึง 3 ชั้นด้วยกันและแต่ละชั้นทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลและสถาบันบําราศนราดูร ยังไม่มีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อของแต่ละชั้นให้อีกด้วยจึงมีการปิดซิปล็อคอย่างดีและที่สำคัญทางโรงพยาบาลและทางสถาบันจะนำศพที่อยู่ในถุงซิปล็อค 3 ชั้นนั้น

ใส่ไปในโลงซึ่งโลงศพที่ใส่ให้นั้นก็มีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อให้เรียบร้อยแล้วรวมถึงเมื่อนำศพใส่ไปในโรงแล้วก็ยังมีการนำตะปูปิดฝาโลงทั้ง 4 มุมเพื่อไม่ให้มีใครสามารถที่จะ มาเปิดฝาโลงขึ้นมาได้ 

รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เป็นคนขนย้ายโรงศพไปยังวัดและพาหนะเช่นรถตู้ที่จะมีการเคลื่อนย้ายศพไปที่วัดต่างก็ได้รับการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อเรียบร้อยแล้วดังนั้นทุกอย่างที่เกี่ยวกับศพของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาจึงผ่านการฆ่าเชื้ออย่างมากทุกขั้นตอนซึ่งประชาชนสามารถวางใจได้เลยว่าเชื้อไวรัสจากศพจะไม่สามารถแพร่ออกมาสู่สาธารณชนได้ 

เชื้อโควิด-19  คร่าชีวิตของคุณได้เร็วขึ้น 

คุณรู้หรือไม่ว่า การสูบบุหรี่จะส่งผลให้เชื้อโควิด-19  คร่าชีวิตของคุณได้เร็วขึ้น 

      ปัจจุบันมีข่าวออกมาตามสื่อออนไลน์รวมทั้งสื่อทีวีเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าแล้วเสียชีวิตซึ่งส่วนใหญ่มักจะพบว่าบุคคลเหล่านั้นจะมีปัญหาเกี่ยวกับด้านสุขภาพไม่ว่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของโรคปอดหรือโรคเบาหวานหรือแม้แต่โรคหัวใจซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วเวลาที่เราพบว่าผู้ป่วยที่เสียชีวิตหากมีการผ่าพิสูจน์ลงไปก็จะพบว่าพวกเขาเหล่านั้นจะพบปัญหาว่าเชื้อไวรัส โควิด-19เข้าไปทำลายปอดจนพังเสียหายจึงถึงขั้นทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตลงได้

ดังนั้นในทางเดี๋ยวกันการที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงมีการสูบบุหรี่ก็จะทำให้คุณมีโอกาสติดเชื้อไวรัสโคโรน่าและเสียชีวิตในเวลาต่อมาได้มากกว่าคนปกติทั่วไปก็อย่างที่เรารู้กันดีว่าการที่เราสูบบุหรี่นั้นจะทำให้ร่างกายของเราได้รับสารพิษจากควันบุหรี่เข้าไปซึ่งอวัยวะที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือปอดและตับปกติแล้วคนที่สูบบุหรี่จัดมากๆ

มักจะมีปัญหาเรื่องของแข็งหรือเป็นมะเร็งปอดและสาเหตุของการเกิดโรคทั้งสองอย่างนี้ก็มาจากการสูบบุหรี่นั้นเองโดยปกติแล้วเราจะมีการรณรงค์ให้ประชาชนสูบบุหรี่กันอยู่แล้วแต่ทางแพทย์ของโรงพยาบาลรามาธิบดีได้ออกมาแนะนำเพิ่มเติมอีกว่าสำหรับคนที่สูบบุหรี่ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ธรรมดาหรือบุหรี่ไฟฟ้าก็จะมีผลกระทบต่อการเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19ได้มากกว่าคนทั่วไป

เพราะบุคคลเหล่านี้มักจะมีปัญหาเรื่องของตัวปอดไม่แข็งแรงอยู่แล้วดังนั้นเมื่อมาเจอเชื้อไวรัสโควิด-19เข้าไปในร่างกายก็จะทำให้เชื้อเข้าไปทำอันตรายที่ปอดและตับทำให้ตายเร็วขึ้น

      เราจะเห็นได้ว่าผู้คนที่ชอบสูบบุหรี่มักจะมีการแบ่งบุหรี่กันสูบยิ่งเฉพาะในกลุ่มเพื่อนๆด้วยกันแล้วมักจะมีการเวียนกันสูบบุหรี่ภายในกลุ่มอย่างตัวอย่างล่าสุดที่พบในประเทศไทยที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19มาถึง 11 คนด้วยกันนั่นก็เพราะว่าบรรดาคนทั้ง 11 คนนั้นต่างก็ให้ข้อมูลตรงกันว่ามีการไปกินเลี้ยงกันและมีการสูบบุหรี่ซึ่งบุหรี่ 1 ตัวทุกคน

จะเวียนกันถูกทั้ง 11 คนปกติแล้วคนไทยส่วนใหญ่ก็มักจะนิยมทำกันแบบนั้นอยู่แล้วหากเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันและการเรียนการสูบบุหรี่โดยใช้บุหรี่ตัวเดียวกันนี่เองที่เป็นสาเหตุทำให้คนทั้ง 11 คนนั้นติดเชื้อไวรัสโควิด-19ดังนั้นหากต้องการที่จะรักษาชีวิตตัวเองให้ห่างไกลจากเชื้อไวรัสโควิด-19จึงควรหลีกเลี่ยงการดูดบุหรี่มวนเดียวกันกับคนอื่น

และถ้าหากเป็นไปได้ควรงดการสูบบุหรี่หรือเลิกสูบบุหรี่ไปเลยทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงรวมถึงปอดและตับแข็งแรงหากเรามีโอกาสได้ไปติดเชื้อไวรัสโควิด-19เข้ามาสู่ร่างกายอย่างน้อยถ้าเราไม่มีปัญหาที่ปอดและตับก็จะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตเพราะการติดเชื้อไวรัสโควิด-19ก็จะลดลง 

เครียดลงกระเพาะอาหารโรคสุดฮิตของคนวัยทำงาน

เราต่างก็รู้กันดีว่าความเครียดไม่ได้ส่งผลดีต่อร่างกายของเราเลยบางคนที่เครียดมากๆอาจถึงแก่เสียชีวิตได้เนื่องจากเป็นโรคเส้นเลือดในสมองแตกตายความเครียดส่งผลกับฮอร์โมนในร่างกายของเราส่งผลต่อระบบการเต้นของหัวใจรวมถึงการบีบตัวของเส้นเลือดดังนั้นหากระบบการเต้นของหัวใจของเราผิดปกติหรือการไหลเวียนของเลือด

เราทำงานไม่ปกติก็จะมีผลต่อร่างกายของเราได้ซึ่งจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของเราถ้าเกิดว่าเรามีความเครียดสะสมในปริมาณมากจะทำให้เราเกิดโรคได้มากมายหลายชนิดแล้ววันนี้เราจะมาพูดถึงความเครียดที่จะส่งผลทำให้ระบบในกระเพาะอาหารของเราทำงานผิดปกติหรือที่เราเรียกว่าเครียดลงกระเพาะนั่นเอง 

      หากเวลาที่เราเครียดมากๆอาการเริ่มแรกของเราคือการปวดหัวและเราจะรู้สึกหงุดหงิดแต่เมื่อใดก็ตามที่ความเครียดของเราลงไปอยู่ในกระเพาะอาหารของเราเรียบร้อยแล้วอาการจะมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยเราจะไม่ใช่แค่เพียงปวดหัวเท่านั้นอาการของเราจะเปลี่ยนแปลงไปรุนแรงมากขึ้นซึ่งจะมีผลต่อบริเวณอวัยวะตรงช่วงท้องของเราไม่ว่าจะเกิดจากอาการปวดท้องหรือท้องอืดซึ่งจะส่งผลให้การถ่ายอุจจาระของเราผิดปกติและหากมีอาการมากก็จะส่งผลให้มีการคลื่นไส้อาเจียนซึ่งโดยมากแล้วมักจะอาเจียนหลังจากที่มีการกินอาหารเข้าไปความเครียดลงกระเพาะอาหารนั้นถึงแม้ว่าจะไม่ทำให้รุนแรงถึงแก่การเสียชีวิต

แต่ก็ไม่ส่งผลดีต่อชีวิตประจำวันของเราหรือร่างกายของเราเองเพราะทำให้ร่างกายของเราอ่อนเพลียและการทำงานของเราก็ไม่กระฉับกระเฉงเหมือนจากที่เคยเป็นดังนั้นหากเรามีความรู้สึกว่าเรามีความเครียดจากการทำงานมาในแต่ละวันเราควรมีการขจัดความเครียดเหล่านั้นออกไปโดยเมื่อกลับมาถึงบ้านเราอาจจะหากิจกรรมสนุกๆทำกับคนในครอบครัว

พยายามลืมสิ่งที่ทำให้เราเครียดออกไปดูหนังดูทีวีเพื่อที่เราจะได้ลืมความเครียดในแต่ละวันและพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อที่จะได้เจอกับเช้าวันใหม่ที่สดใสสมองเราจะได้ปลอดโปร่งเพื่อเราจะได้ไปเคลียร์ปัญหาในที่ทำงานการรักษาโรคเครียดลงกระเพาะนั้นโดยปกติแล้วไม่จำเป็นต้องกินยาก็ได้เพียงแต่เราเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน

โดยให้เรามีสติและมีสมาธิในการดำเนินชีวิตไม่นำความเครียดในแต่ละวันเมื่อคิดอยู่คนเดียวเราอาจจะหาทางออกด้วยการปรึกษาคนรอบข้างถึงสิ่งที่เรากำลังเครียดอยู่เพื่อเป็นการระบายไม่ให้ความเครียดเหล่านั้นสะสมอยู่ที่ตัวเราคนเดียวและการออกกำลังกายก็เป็นการระบายความเครียด ได้เช่นเดียวกันเพราะเมื่อเราออกกำลังกายจะมีการหลั่งสารเอ็นโดรฟินออกมา

ซึ่งสารนี้จะช่วยให้เราคลายความวิตกกังวลที่สำคัญเราควรต้องเป็นคนที่หัดรู้จักปล่อยวางไม่นำเรื่องทุกเรื่องหรือนำทุกปัญหาของคนอื่นมาคบคิดด้วยก่อนนอนนั่งสมาธิและหัดอ่านหนังสือธรรมะจะช่วยให้ความเครียดของคุณลดน้อยลงได้

หากต้องการสุขภาพดีควรทำสิ่งต่อไปนี้

-ก่อนอื่นเลยเราควรจะมาเลือกเมนูอาหารในแต่ละมื้อของเราว่าเราควรจะทานอะไรดีที่จะมีประโยชน์ต่อร่างกายและไม่ทำให้เราอ้วนจนเกินไปซึ่งเมื่อเราลิสรายการอาหารได้แล้วเราก็ควรจะมาระบุเป็นเมนูย่อยๆในแต่ละมื้อตลอดทั้งสัปดาห์แล้วกินอาหารตามตารางที่ต้องเตรียมเอาไว้อย่างนี้จะช่วยได้ในระดับหนึ่งในการเลือกรับประทานอาหารที่จะไม่ทำให้เราอ้วนและมีไขมันเยอะ 

-เมื่อเราได้รายการอาหารที่ต้องการแล้วกินอาหารตามตารางที่เราเตรียมไว้และที่สำคัญการไม่ได้เลยก็คืออาหารเช้าที่เราควรจะกินทุกเช้าเพราะในช่วงเวลากลางคืนเราไม่ได้ทานอาหารเป็นระยะเวลานานดังนั้นร่างกายของเราจึงจำเป็นต้องมีการสารอาหารเพื่อเอาไว้ใช้งานในช่วงเวลากลางวันดังนั้นหากเราอดมื้อเช้าจะทำให้ช่วงสายจนถึงเที่ยงจะทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดแล้วไม่ค่อยมีแรงดังนั้นมื้อเช้าจึงเป็นมื้อที่สำคัญกับร่างกายของเรามากที่สุด

-การรับประทานน้ำเปล่าให้ในปริมาณเพียงพอกับร่างกายโดยปกติแล้วเราทราบอยู่แล้วว่าร่างกายต้องการน้ำอยู่ที่ประมาณ 8-10 แก้วต่อวันดังนั้นเราจึงควรทานน้ำให้เพียงพอเพื่อที่ร่างกายของเราจะได้ไม่ขาดน้ำและผิวพรรณของเราจะได้ชุ่มชื่นอยู่เสมอไม่เหี่ยวเร็ว

-ไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่ซึ่งจะมีส่วนช่วยได้ดีมากทำให้ผิวพรรณของเราไม่เหี่ยวง่าย 

-นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่เป็นการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดเพราะถ้าหากเรานอนพักผ่อนเพียงพอร่างกายของเราก็จะมีความกระชุ่มกระชวยทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงเด้อเราควรจะนอนก่อน 22:00 น.และตื่นนอนในตอนเช้าเพื่อตื่นมารับอากาศที่บริสุทธิ์เนื่องจากช่วงเวลา 22.00 น.เป็นช่วงที่ร่างกายของเรากำลังสร้างฮอร์โมนต่างๆเข้ามาดูแลร่างกายดังนั้นการนอนดึกมากเกินไปจึงทำให้ร่างกายของคุณไม่แข็งแรงและอ่อนเพลียได้ง่าย

-ออกห่างจาก Social บ้านแล้วมาเน้นการออกกำลังกายวันละนิดจิตใจจะได้แจ่มใสการที่เราหมกมุ่นอยู่แต่กับโทรศัพท์มือถือมากเกินไปจะทำให้บางครั้งเราอาจจะต้องเคร่งเครียดกับข่าวสารที่เราจะได้รับดังนั้นเราควรจะปล่อยจิตใจของเราให้ผ่อนคลายด้วยการหันมาออกกำลังกายทำกิจกรรมกับครอบครัวซึ่งจะทำให้จิตใจของเราเบิกบานสดชื่นและสุขภาพที่ดีก็จะตามมา

-ในวันหยุดหาเวลาไปพักผ่อนกับครอบครัวบ้านอาจจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆจังหวัดที่เราอยู่แต่ควรไปในจุดท่องเที่ยวที่เน้นการเที่ยวแบบธรรมชาติเพื่อที่เราจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์และผ่อนคลายจากการคร่ำเคร่งในการทำงานตลอดทั้งสัปดาห์มาซึ่งอาจจะเที่ยวน้ำตกทะเลหรือไปเที่ยวภูเขาก็ได้ สถานที่ส่วนใหญ่มีหลายที่ที่เราสามารถเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับก็ได้หรืออาจจะไปพักผ่อนสัก 1 คืนนอกจากจะทำให้ร่างกายของเราหายจากการเหนื่อยล้าที่สะสมมาจากการทำงานแล้วยังเป็นการกระตุ้นความสัมพันธ์ที่ดีให้กับคนในครอบครัวอีกด้วย

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  next88